เมนู

3. เมตตาสูตร*


ว่าด้วยธาตุเครื่องสลัดออก 5 ประการ


[284] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธาตุเป็นเครื่องสลัดออก 6 ประการนี้
6 ประการเป็นไฉน ? คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พึงกล่าวอย่างนี้ว่า เมตตา-
เจโตวิมุตติ ข้าพเจ้าเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ทำให้เป็นดุจยาน ทำให้
เป็นที่ตั้ง ตั้งมั่นแล้ว อบรมแล้ว ปรารภดีแล้ว ก็แต่ว่าพยาบาทยังครอบงำ
จิตของข้าพเจ้าอยู่ เธออันภิกษุทั้งหลายพึงกล่าวตักเตือนว่า ท่านผู้มีอายุอย่าได้
กล่าวอย่างนี้ อย่าได้กล่าวตู่พระผู้มีพระภาคเจ้า เพราะการกล่าวตู่พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าไม่ดี เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้าไม่พึงตรัสอย่างนี้ ดูก่อนอาวุโส
ข้อนั้นมิใช่ฐานะ มิใช่โอกาส คือ เมื่อเมตตาเจโตวิมุตติ อันภิกษุเจริญแล้ว
ทำให้มากแล้ว ทำให้เป็นดุจยาน ทำให้เป็นที่ตั้ง ตั้งมั่นแล้ว อบรมแล้ว
ปรารภดีแล้ว ก็แต่ว่า พยาบาทจักครอบงำจิตของเธออยู่ เพราะฉะนั้น
ข้อนั้นจึงไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ เพราะเมตตาเจโตวิมุตตินี้ เป็นเครื่องสลัดออก
ซึ่งพยาบาท.
อีกประการหนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พึงกล่าวอย่างนี้ว่า กรุณา-
เจโตวิมุตติ ข้าพเจ้าเจริญแล้ว. . . ปรารภดีแล้ว ก็แต่ว่าวิหิงสายังครอบงำจิต
ของข้าพเจ้าอยู่ เธออันภิกษุทั้งหลายพึงกล่าวตักเตือนว่า ท่านผู้มีอายุอย่าได้
กล่าวอย่างนี้ อย่าได้กล่าวตู่พระผู้มีพระภาคเจ้า เพราะการกล่าวตู่พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าไม่ดี เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้าไม่พึงตรัสอย่างนี้ ดูก่อนอาวุโส ข้อนั้น
มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาส คือ เมื่อกรุณาเจโตวิมุตติ อันภิกษุเจริญแล้ว. . .
ปรารภดีแล้ว ก็แต่ว่าวิหิงสาจักครอบงำจิตของเธออยู่ เพราะฉะนั้น ข้อนั้น
จึงไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ เพราะกรุณาเจโตวิมุตติเป็นเครื่องสลัดออกซึ่งวิหิงสา
* พม่าเป็น นิสสารณียสูตร

อีกประการหนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พึงกล่าวอย่างนี้ว่า มุติคาเจโต-
วิมุตติ ข้าพเจ้าเจริญแล้ว. . . ปรารภดีแล้ว ก็แต่ว่าอรติ (ความไม่ยินดีด้วย)
ยังครอบงำจิตของข้าพเจ้าอยู่ เธออันภิกษุทั้งหลายพึงว่ากล่าวตักเตือนว่า
ท่านผู้มีอายุอย่าได้กล่าวอย่างนี้ อย่าได้กล่าวตู่พระผู้มีพระภาคเจ้า เพราะการ
กล่าวตู่พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ดี เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้าไม่พึงตรัสอย่างนี้
ดูก่อนอาวุโส ข้อนั้นมิใช่ฐานะ มิใช่โอกาส คือ เมื่อมุทิตาเจโตวิมุตติ
อันภิกษุเจริญแล้ว. . .ปรารภดีแล้ว ก็แต่ว่าอรติจักครอบงำจิตของเธออยู่
เพราะฉะนั้น ข้อนั้นจึงไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ เพราะมุทิตาเจโตวิมุตตินี้ เป็น
เครื่องสลัดออกซึ่งอรติ.
อีกประการหนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พึงกล่าวอย่างนี้ว่า อุเบกขา-
เจโตวิมุตติ ข้าพเจ้าเจริญแล้ว. . .ปรารภดีแล้ว ก็แต่ว่าราคะยังครอบงำจิต
ของข้าพเจ้าอยู่ เธออันภิกษุทั้งหลายพึงว่ากล่าวตักเตือนว่า ท่านผู้มีอายุอย่าได้
กล่าวอย่างนี้ อย่าได้กล่าวตู่พระผู้มีพระภาคเจ้า เพราะการกล่าวตู่พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าไม่ดี เพทะพระผู้มีพระภาคเจ้าไม่พึงตรัสอย่างนี้ ดูก่อนอาวุโส ข้อนั้น
มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาส คือ เมื่ออุเบกขาเจโตวิมุตติ อันภิกษุเจริญแล้ว. . .
ปรารภดีแล้ว ก็แต่ว่า ราคะจักครอบงำของเธออยู่ เพราะฉะนั้น ข้อนั้น
จึงไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ เพราะอุเบกขาเจโตวิมุตตินี้ เป็นเครื่องสลัดออกซึ่ง
ราคะ.
อีกประการหนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พึงกล่าวอย่างนี้ว่า อนิมิตตา-
เจโตวิมุตติ (เจโตวิมุตติไม่มีนิมิต ) ข้าพเจ้าเจริญแล้ว. . . ปรารภดีแล้ว ก็แต่ว่า
วิญญาณของข้าพเจ้ายังแส่หานิมิตอยู่ เธออันภิกษุทั้งหลายพึงว่ากล่าวตักเตือนว่า
ท่านผู้มีอายุอย่าได้กล่าวอย่างนี้ อย่าได้กล่าวตู่พระผู้มีพระภาคเจ้า เพราะการ
กล่าวตู่พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ดี เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้าไม่พึงตรัสอย่างนี้

ดูก่อนอาวุโส ข้อนั้นมิใช่ฐานะ มิใช่โอกาส คือ เมื่ออนิมิตตาเจโตวิมุตติ
อันภิกษุเจริญแล้ว. . .ปรารภดีแล้ว ก็แต่ว่าวิญญาณของเธอจักแส่หานิมิตอยู่
เพราะฉะนั้น ข้อนั้นจึงไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ เพราะอนิมิตตาเจโตวิมุตตินี้
เป็นเครื่องสลัดออกซึ่งนิมิตทั้งปวง.
อีกประการหนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พึงกล่าวอย่างนี้ว่าอัสมิมานะ
ของข้าพเจ้าหมดไปแล้ว และข้าพเจ้าย่อมไม่ตามเห็นว่านี่เป็นเรา ก็แต่ว่า
ลูกศรคือ ความสงสัยเคลือบแคลงยังครอบงำจิตของข้าพเจ้าอยู่ เธออันภิกษุ
ทั้งหลายพึงว่ากล่าวตักเตือนว่า ท่านผู้มีอายุอย่าได้กล่าวอย่างนี้ อย่าได้กล่าวตู่
พระผู้มีพระภาคเจ้า เพราะการกล่าวตู่พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ดี เพราะพระผู้มี-
พระภาคเจ้าไม่พึงตรัสอย่างนี้ ดูก่อนอาวุโส ข้อนั้นมิใช่ฐานะ มิใช่โอกาส คือ
เมื่ออัสมิมานะของภิกษุหมดไปแล้ว และเมื่อภิกษุไม่ตามเห็นอยู่ว่านี้เป็นเรา
ก็แต่ว่า ลูกศรคือความสงสัยเคลือบแคลงจักครอบงำจิตของเธออยู่ เพราะ
ฉะนั้น ข้อนั้นจึงไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ เพราะอรหัตมรรคที่ถอนอัสมิมานะ
ได้แล้วนี้ เป็นเครื่องสลัดออกซึ่งลูกศรคือความสงสัยเคลือบแคลง.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธาตุเป็นเครื่องสลัดออก 6 ประการนี้แล.
จบเมตตาสูตรที่ 3

อรรถกถาเมตตาสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในเมตตาสูตรที่ 3 ดังต่อไปนี้:-
บทว่า นิสฺสาราณียา ธาตุโย ได้แก่ ธาตุที่เป็นทางออกไป.
ในบทว่า เมตฺตา หิ โข เม เจโตวิมุตติ นี้ มีอธิบายว่า เมตตานั่นแหละ
ที่เป็นไปในฌาน หมวด 3 หรือ หมวด 4 ชื่อว่า เมตตาเจโตวิมุตติ
เพราะหลุดพ้นจากธรรมที่เป็นข้าศึกทั้งหลาย